บทที่ 8 บุรุษรูปงามที่ข้าจับตัวได้ (2)

“จะ...เจ้า อย่าได้คิดกระทำเช่นนั้น”

“เป็นท่านที่บังคับข้า แต่แรกข้าอยากไว้ชีวิต ทว่าชาวต้าหลางล้วนหน้าซื่อใจคด สมควรแล้วที่ต้องได้รับผลกรรมอย่างสาสม” นางว่าเสียงเหี้ยมทำให้เหงื่อผุดขึ้นท่วมกายมู่หรูซื่อ

“ขะ...ข้าพยายามให้ทั้งสองฝ่ายยุติข้อบาดหมาง หากเจ้ามอบยาถอนพิษพร้อมคัมภีร์ทิพย์โอสถให้ข้า ย่อมมีไมตรีแนบแน่นฉันมิตรดังเดิม”

“หึๆ หน้าไม่อาย ท่านพูดเห็นแก่ได้ บุรุษเช่นนี้ยังน่าเคารพอีกหรือ”

“แม่นางฟังข้าก่อน ถึงเจ้าทำร้ายข้าจนตายก็ไม่มีประโยชน์ อย่างไรพี่รองก็จะบุกเข้ามาแล้วจัดการทุกคนอยู่ดี ยกเว้นเสียแต่ทำตามที่ข้าบอก”

“แต่ท่านสร้างเรื่องลวงข้าเพื่อให้ไปพบชินอ๋อง ดังนั้นลมหายใจของท่านนับแต่นี้ไปย่อมเป็นของข้า”

มู่หรูซื่อนิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนกล่าวอย่างขอร้องว่า

“แม่นาง หากข้าต้องอับโชคและจบชีวิตลง ชาตินี้ก็ขอได้ยลโฉมสตรีลึกลับที่อยู่ในตำหนักเย็นแห่งแคว้นหมิงด้วยเถิด”

“จุดประสงค์ของท่านมีสิ่งใดแอบแฝงหรือไม่จวิ้นอ๋อง”

เขาไม่ตอบ แต่กลับยิ้ม รอยยิ้มซีดเซียวดูเหมือนคนหมดสิ้นพลังใจเห็นแล้วฟ่านรั่วเจี๋ยอดสงสารมิได้ ทว่านางย่อมต้องใจแข็ง ด้วยที่ผ่านมาชาวต้าหลางล้วนกระทำต่อมารดานางอย่างโหดเหี้ยม!!

“ผู้ที่ได้เห็นใบหน้าข้าล้วนต้องโชคร้าย ชีวิตต้องพบกับความอัปมงคล”

“ข้าไม่เชื่อข่าวลือ”

“เลื่อมใส ฟ่านรั่วเจี๋ยนับถือความกล้าหาญนั้น!”

ฟ่านรั่วเจี๋ยหันไปมองกล่องไม้ที่ถือติดตัวมาด้วย แล้วจัดการบางอย่างกับใบหน้าตนอย่างเร่งด่วน จากนั้นก็ดึงผ้าปิดตาเขาออก ซึ่งภาพที่ดวงตาเรียวคู่งามของมู่หรูซื่อประจักษ์คือใบหน้าของหญิงสาวที่ทำให้เขาแทบสิ้นสติ!!

ความคิดแรกของมู่ชิงซาน ถึงอย่างไรก็ไม่อยากถอยทัพห่างจากกำแพงแคว้นหมิง ทว่าความอ่อนแอของทหารที่เขานำทัพสร้างความเครียดให้ชายหนุ่ม อีกทั้งสถานการณ์ย่ำแย่ขึ้นทุกที ซึ่งดูเหมือนฟ้าดินกำลังลงโทษเขา ดังนั้นมู่ชิงซานจึงต้องออกคำสั่งลงไปเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจเหล่าทหารกลับคืน

ยามนี้ ศพทหารเกือบสามร้อยนายเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าแผ่นดินเล็กๆกำลังเปิดศึกกับแคว้นหมิง โดยใช้หมอตำแยชั่วร้ายวางยาพิษ ใช่...เขาต้องควานหาคนผู้นั้นให้ได้ และนำเลือดของมันมาล้างเท้าชดเชยความผิดที่มันก่อขึ้น

“อ๋องชิงซาน ข้าเกรงว่าตอนนี้ท่านก็ควรระวังชีวิตเอาไว้ด้วย เพราะหน่วยแพทย์ของเรายังมิอาจหาวิธีรักษาพิษดังกล่าว”

มู่ชิงซานได้ยินเข้าพลันตบโต๊ะเสียงดัง เขาไม่กลัวตาย แต่ตอนนี้ความอ่อนแอของทหารต้าหลางทำให้เขาอยากสั่งโบยพวกมันให้เนื้อแตกเพื่อเลิกคร่ำครวญหามารดา

“ใครป่วยก็ดูแล แต่ถ้าใครสำออยจงโยนมันลงหลุมแล้วฝังดินเสีย อย่าให้ข้าได้เห็นหน้าอีก ต้าหลางยิ่งใหญ่เกรียงไกร จะมาพ่ายแพ้ต่อไข้ป่าเช่นนี้ได้หรือ”

หยวนซางถอนหายใจออกมาหลายเฮือก เขาติดตามมู่ชิงซานมาหลายปีรู้ถึงความเลือดร้อนของอีกฝ่าย แต่ก็รักพวกพ้องยิ่ง หากยามนี้ดูเหมือนผู้เป็นนายมีบางสิ่งอยู่ในใจ ซึ่งมันกำลังส่งผลร้ายมากกว่าดี

“ท่านเองก็ห่วงจวิ้นอ๋องใช่หรือไม่”

“ฮึ คนอย่างข้าต้องใส่ใจเรื่องของหรูซื่อเยี่ยงนั้นหรือ”

“หามิได้ ข้าเพียงสังเกตว่าท่านอ๋องมีเรื่องกังวลใจ อีกทั้งสตรีที่ถูกส่งตัวมาปรนนิบัติท่าน ต่างบอกข้าว่า...”

ยังไม่ทันที่หยวนซางจะกล่าวจบ แท่นฝนหมึกก็ถูกเขวี้ยงหวิดถูกศีรษะของเขา

“ขืนยังแส่เรื่องข้า เจ้าจะไม่ใช่แค่หัวแตก ไสหัวไปให้ไกลๆ ก่อนข้าจะหมดความอดทน!”

หยวนซางพยักหน้าเข้าใจ เขารู้ว่ามู่ชิงซานมีความวิตกหลายสิ่ง และมันไม่ใช่แค่ที่น้องชายเขาเข้าไปในแคว้นหมิงเพื่อกระทำเรื่องเหลวไหลบางสิ่ง

บุรุษรูปร่างสูงใหญ่ผู้มีกลิ่นอายสังหารแรงกล้าหงุดหงิดใจจนมิอาจอยู่นิ่งเฉย สาวงามที่ถูกคัดตัวมาให้ดูแลเขานั่งตัวสั่นอยู่ในกระโจม และอีกสองนางที่เตรียมอาหารให้ก็สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แม้แต่รินสุราลงจอกยังไม่ได้เรื่อง

“เจ้าเป็นสตรีแคว้นหมิงใช่หรือไม่”

“ผู้น้อย เรียนตามตรงว่าถึงมาจากแคว้นหมิง แต่ไม่ได้รักแผ่นดินเกิดแม้แต่น้อย”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น มู่ชิงซานจึงหรี่ตามองสตรีที่กำลังก้มหน้าต่ำจนเกือบชิดโต๊ะไม้

“ไม่รักบ้านเกิด แล้วแสวงหาความรักจากที่ใด”

“ผะ...ผู้น้อยอยากรับใช้ต้าหลาง และการถูกส่งตัวมาที่นี่เพราะต้องการปรนนิบัติชินอ๋องชิงซานผู้ยิ่งใหญ่”

ชายหนุ่มหัวเราะชั่วร้ายและเอ่ยเสียงเหี้ยม

“ข้าให้โอกาสเจ้าเอ่ยใหม่อีกครั้ง จงกล่าวความจริง มิเช่นนั้นข้าจะให้ทหารแล่เนื้อเจ้าเป็นหมื่นๆ ชิ้น หรือไม่ก็จับเผาทั้งเป็น!”

สตรีนามว่าจางหลิงเวย นางเป็นลูกพ่อค้าเครื่องประดับที่ถูกส่งตัวมามอบความสุขให้แก่มู่ชิงซาน ถึงจะข่มกลั้นความกลัวลงได้ กระนั้นดวงตาสวยยังมีน้ำตาเอ่อคลอ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป